พลตรองอากงสนานนท์ได้โพสต์ในเฟซบุ๊กว่าไม่มีการฝากแต่งตั้งตำรวจและไม่มีการใช้อำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เขาย้ำว่าต้องระวางโทษกับผู้ร้องทุกข์ที่ไม่พอใจเป็นแล้วรัสจะกระทำการโดยไม่หลักอุทธรณ์ พร้อมกับมีการสอบทานโดยคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม. นายกฯและรัฐมนตรีได้ลงนามเรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และตำรวจที่ผ่านมาได้มีการปฏิรูปในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสต์ข้อความลงใน Facebook “Aek Angsananont” ระบุ “สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวเกี่ยวกับตำรวจที่คนทั้งประเทศให้ความสนใจคงเป็นเรื่องนายกรัฐมนตรีพูดถึงการแต่งตั้งผู้กำกับใหม่ ฯลฯท่านนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ต่อมาว่า ไม่ได้มีการฝากแต่งตั้งตำรวจ และไม่ได้ใช้อำนาจไปแทรกแซงการแต่งตั้งแต่อย่างใดสื่อได้ติดตามสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้อง อดีตผู้บังคับบัญชาตำรวจในประเด็นต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์ วิเคราะห์ เจาะลึก อย่างกว้างขวางผมเองก็ได้รับเชิญไปสัมภาษณ์สนทนากับสื่อหลายรายการ อาทิ ช่องเนชั่น คมชัดลึก กับคุณวราวิทย์ ฉิมมณี ช่องไทยพีบีเอส ”ข่าวเจาะย่อโลก“ กับคุณเจษฎา จี้สละ ช่องมติชนสุดสัปดาห์ กับคุณพิชญเดชฯ สถานีวิทยุ เอฟ เอ็ม 100.52 (อสมท) คุณพัชระ สารพิมพาฯลฯประเด็นที่ผมได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ เรื่องตั๋วฝากตำรวจมีจริงหรือไม่ มีความเป็นมาอย่างไร การซื้อขายตำแหน่ง ฯลฯผมได้เน้นย้ำให้เห็นว่าปัจจุบันบริบทกฎหมายตำรวจเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้าย ต้องคำนึงระบบคุณธรรม มีหลักเกณฑ์จำกัดการใช้ดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา มิให้กระทำการโดยมิชอบ และมีการสอบทานโดยคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) เมื่อ ก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยอย่างไรแล้ว ผู้บังคับบัญชาอาจจะต้องรับผิดทางวินัยร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ตลอดจนกำหนดฐานความผิดและมีโทษทางอาญาด้วย (พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 มาตรา 33-42, มาตรา 60, มาตรา 87)
\nเมื่อวานนี้ (28 พ.ย.) นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) โดยมีนายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ เป็นประธานฯและพล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน เป็นเลขานุการ มีผลให้ ก.พ.ค.ตร.เริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีดังนั้น หากข้าราชการตำรวจผู้ใดเห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเรียงลำดับอาวุโสหรือการแต่งตั้ง ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อ ก.พ.ค.ตร.ได้ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ทราบคำสั่งแต่งตั้งก.พ.ค.ตร.วินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้องทุกข์คำวินิจฉัย ก.พ.ค.ตร.ให้เป็นที่สุดผู้ร้องทุกข์ไม่พอใจอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ภายใน 90 วันก.พ.ค.ตร.วินิจฉัย ผู้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ในการเรียงอาวุโสหรือในการแต่งตั้ง ให้ถือว่าผิดวินัย พิจารณาลงโทษโดยไม่ต้องสอบสวน ภายใน 30 วัน นับแต่ ก.พ.ค.ตร.แจ้ง แล้วรายงาน ก.ตร.ก.ตร.พิจารณาแล้วเป็นการจงใจเพื่อช่วยเหลือบุคคลใดหรือเพื่อให้เกิดความเสียหายผู้ใด ให้ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง (โทษไล่ออกหรือปลดออก) ลงโทษได้โดยไม่ต้องสอบสวนสำหรับเรื่องตั๋วและการซื้อขายตำแหน่ง มีบทกำหนดฐานความผิดและกำหนดโทษไว้โดยเฉพาะ (พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 มาตรา 87 วรรคสุดท้าย)
\n“ผู้ใดให้ ขอให้ รับว่าจะให้ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด หรือแอบอ้างอำนาจของบุคคลใด หรือเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่น หรือกระทำทำการโดยมิชอบ เพื่อให้มีการแต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งใด ไม่ว่าการแต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์การแต่งตั้งตามพระราชบัญญัตินี้หรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี”ผมยืนยันว่า ได้มีการปฏิรูปตำรวจในเรื่องการบริหารบุคคลแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ หากมีการละเลยหรือฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และหลักเกณฑ์การแต่งตั้งต่างๆ ก.พ.ค.ตร.จะพิจารณาและวินิจฉัย เพื่อผดุงระบบคุณธรรมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นบรรทัดฐานการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป
\nทั้งนี้สำหรับการแต่งตั้งตำรวจที่ผ่านมา นายกฯ เศรษฐา เซ็นตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ มี “สมรรถชัย “ตุลาการศาลปกครองสูงสุดเป็นประธานนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีหนังสือคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 356/2566เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 33 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 จึงแต่งตั้งคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) จำนวน 7 ราย ดังนี้ นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ เป็นประธานกรรมการ และมี นายธวัชชัย ไทยเขียว, พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี, นายวันชาติ สันติกุญชร, พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์, พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม เป็นกรรมการ และมี พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน เป็นกรรมการและเลขานุการ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2566.
\n